- ปี 2023 ถือเป็นปีที่โลกเผชิญอากาศร้อนมากที่สุดในรอบ 2,000 ปี และมีความเป็นไปได้ว่าปีนี้ 2024 โลกอาจจะร้อนทำลายสถิติอีกครั้ง
- อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของซาอุดีอาระเบียเผยทางการมีคำสั่งให้ใช้ความรุนแรงกับชนเผ่ากลุ่มต่าง ๆ ได้ แม้จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หากไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ก่อสร้างโครงการ The Line
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีน ประกาศเตือนภัยอุณหภูมิสูง "ระดับสีแดง" ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงสูงสุดของระบบเตือนภัยสภาพอากาศ บางพื้นที่ของซื่อชวน ฉงชิ่ง ส่านซี อันฮุย หูเป่ย หูหนาน เจียงซี เจ้อเจียง และซินเจียง อาจมีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ขณะที่เซี่ยงไฮ้จะเผชิญอุณหภูมิสูง 35-39 องศาเซลเซียส ด้านทางการมณฑลเสฉวนของจีน ประกาศสั่งปิดโรงงานทั้งหมดใน 19 จาก 21 เมือง เป็นเวลา 6 วัน เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนพลังงานในภูมิภาค มณฑลเสฉวนเผชิญกับความร้อนจัดและภัยแล้งมาตั้งแต่เดือน ก.ค. และนับตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา คลื่นความร้อนทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นระดับรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ทศวรรษ และปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยยังลดลงถึงร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2564
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization) หรือ WMO เปิดเผยรายงานว่า เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาคือหนึ่งในเดือนที่โลกมีอุณหภูมิสูงที่สุดสามอันดับแรกเท่าที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ขณะที่อังกฤษประกาศเตือนคลื่นความร้อนระลอกที่สองของปีนี้ในช่วงสุดสัปดาห์
ท่ามกลางการเผชิญคลื่นความร้อนในหลายพื้นที่โดยเฉพาะแถบยุโรปและสหรัฐฯ ส่งกระทบให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ทั้งไฟป่าและอาการฮีตสโตรก ประชาชนออกมาคลายร้อนเล่นน้ำในพื้นที่กลางแจ้ง แต่อีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ คือเด็กพลัดตกจากที่สูง จากการออกมาคลายร้อนที่ระเบียบห้องพัก โดยผลการศึกษาในช่วงอากาศร้อนโอกาสเกิดเหตุการณ์นี้เพิ่มมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น และเกิดบ่อยขึ้น ทำให้สหภาพแรงงานยุโรปเสนอให้คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ออกกฎหมายห้ามทำงานในช่วงที่สภาพอากาศร้อนจัด หลังมีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดระหว่างการทำงานกลางแจ้งจำนวนมาก
ภาคตะวันตกของยุโรปเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรง ซึ่งเป็นผลจากกระแสลมกรดหรือ Jet Stream ที่กักเก็บความร้อนทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นจนนำไปสู่การเสียชีวิตและไฟป่ารุนแรง